ในโลกที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การ พัฒนาซอฟต์แวร์ ที่มุ่งเน้นความปลอดภัยจึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กร ซอฟต์แวร์ที่แข็งแรงและปลอดภัย ไม่เพียงแต่ช่วยให้การทำงานราบรื่น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้งาน ลดความเสี่ยงจากการโจมตี และปกป้องข้อมูลสำคัญตามมาตรการกฎหมาย เช่น PDPA ดังนั้น การบูรณาการแนวคิด “Security by Design” ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการพัฒนาซอฟต์แวร์ จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับคุณภาพและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร
ในบทความนี้เราจะมาแนะนำถึงแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีความปลอดภัย ว่ามีแนวทางยังไง ต้องออกแบบอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามอ่านกันได้เลยครับ
การพัฒนาซอฟต์แวร์องค์กรที่ปลอดภัย คืออะไร ?
การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัย เป็นแนวคิดในการออกแบบและพัฒนากลไกในด้านความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ให้สามารถทำการได้อย่างราบรื่น และปลอดภัยจากการถูกโจมตีโดยผู้ไม่หวังดี เช่น แฮ็กเกอร์, ไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือมัลแวร์ เป็นต้น
ทั้งนี้การพัฒนาซอฟต์แวร์แต่ละครั้ง จะมีการทดสอบความปลอดภัยทุกครั้งก่อนใช้งาน หรือเผยแพร่เพื่อใช้งานจริง เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า และผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ทางทีมผู้พัฒนาจะมีการให้ความรู้ต่อผู้ใช้งาน เพื่อให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าการโจมตี
ความสำคัญของการพัฒนาซอฟต์แวร์องค์กร ให้ปลอดภัย
การพัฒนาซอฟต์แวร์องค์กร มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการสร้างความน่าเชื่อถือขององค์กร เพราะหากองค์กรละเลยมาตรการด้านความปลอดภัยของข้อมูล การรั่วไหลของข้อมูลไม่เพียงแต่บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แต่ยังอาจสร้างความเสียหายรุนแรงทั้งด้านการเงินและชื่อเสียงขององค์กร โดยความสำคัญของการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัย มีดังนี้
- สร้างความน่าเชื่อถือขององค์กร การมีซอฟต์แวร์ที่ทำงานมีประสิทธิภาพ และยังให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้องค์กรมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความไว้วางใจ ต้องการใช้บริการมากยิ่งขึ้น
- ป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ เพราะทุกวันนี้ภัยร้ายทางไซเบอร์มีหลากหลายรูปแบบที่พร้อมโจมตี ไม่ว่าจะเป็น แฮ็คเกอร์ หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ ที่อาจสร้างความเสียหายข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ดังนั้นการสร้างความปลอดภัยที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีได้
- ปกป้องข้อมูลอ่อนไหว หรือ PDPA เนื่องจากภายในซอฟต์แวร์ขององค์กรนั้น มักจะมีข้อมูลอ่อนไหวของผู้ใช้งาน เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เลขบัตรประชาชน, หมายเลขโทรศัพท์ ไปจนถึงข้อมูลบัตรเครดิต ที่หากข้อมูลเหล่านี้รั่วไหล อาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อผู้ใช้บริการ และส่งผลให้องค์กรละเมิดกฎหมาย PDPA

7 ขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ให้ปลอดภัย
สำหรับแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แบ่งออกเป็น 7 ขั้นตอน ดังนี้
1. วางแนวทางและมาตรการด้านความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้น
ขั้นตอนแรกของการสร้างซอฟต์แวร์ที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง คือการกำหนดแนวทางของการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยละเอียดตั้งแต่จุดเริ่มต้น ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายในการพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกขั้นตอนมีการวางแผนป้องกันที่รัดกุมโดยเท่าเทียมกัน
2. กำหนดมาตรการความปลอดภัยแบบลำดับชั้น
เมื่อวางแนวทางของการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยแล้ว ต่อมาคือแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยแบบลำดับชั้น (Hierarchical Security Practices) โดยการออกแบบกระบวนการและโปรโตคอลที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละส่วน เพื่อให้เกิดเป็นระบบการทำงานของซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และให้ทีมพัฒนาแต่ละส่วนสามารถทำงานบนมาตรฐานเดียวกัน และป้องกันการเกิดช่องโหว่จากรูปแบบการทำงานที่ไม่สอดคล้องกัน
3. พัฒนาระบบการจัดอันดับความเสี่ยง
เพราะภัยคุกคามของระบบซอฟต์แวร์นั้น มีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ซึ่งขั้นตอนการจัดอันดับความเสี่ยง จะช่วยให้ทีมผู้พัฒนาสามารถมองเห็นภาพรวมได้ว่ามีช่องโหว่ด้านไหนบ้างของระบบซอฟต์แวร์ เพื่อให้ทีมงานสามารถจัดลำดับความสำคัญ และสามารถแก้ไขช่องโหว่ ป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ทันท่วงที ก่อนที่จะเกิดเป็นปัญหาบานปลายในภายหลัง
4. วิเคราะห์ความเสี่ยง
หากต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยจริง ๆ สิ่งสำคัญคือการทำ การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Analysis) อย่างต่อเนื่อง และปรับแก้ไขตามผลการวิเคราะห์นั้นตลอดทั้งวงจรการพัฒนา โดยผู้พัฒนาควรออกแบบให้มีการตรวจสอบความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นทาง ไปจนถึงวันที่เผยแพร่ เพื่อสร้างความมั่นใจได้ว่า ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นนั้นแข็งแรง ปลอดภัย พร้อมใช้งานในทุกสภาวะแวดล้อม
5. การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีความปลอดภัยนั้น ไม่ใช่งานที่ทำเสร็จเพียงครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัย การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทีมพัฒนาควรมีการกำหนดความถี่ในการตรวจสอบความปลอดภัยตามเวลาที่เหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นใจต่อลูกค้า และผู้ใช้งานว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้ยังทำงานได้ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
6. ใช้เครื่องมืออัตโนมัติในการลดงานความผิดพลาด
การนำเครื่องมืออัตโนมัติมาช่วยทำงานด้านความปลอดภัย จะช่วยทำหน้าที่เป็นส่วนเสริม เพื่อให้ทีมผู้พัฒนาสามารถลดภาระงานที่มีความซ้ำซาก และลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ เครื่องมืออัตโนมัติสามารถสแกนหาความเสี่ยงและช่องโหว่ รวมถึงปรับเปลี่ยน แก้ไขได้อย่างรวดเร็วในทุก ๆ ขั้นตอนของการพัฒนาซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะเป็น การเขียนโค้ด, การรีวิว และการทดสอบ เป็นต้น
7. สร้างวัฒนธรรม “Security-First Mindset”
การที่ทีมพัฒนาจะสามารถสร้างซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยได้ ควรเริ่มจากการสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย โดยต้องเริ่มจาก “บนลงล่าง” ตั้งแต่ผู้นำองค์กรจึงต้องเป็นผู้ผลักดันแนวทางนี้ และปลูกฝังทัศนคติให้กับทีมงานทุกระดับ มีช่วงเวลาที่ให้ทีมได้มีเวลาในการจัดการปัญหาด้านความปลอดภัย รวมถึงการมอบเครื่องมือที่จำเป็นในการทำงาน สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรที่แท้จริงต่อ “ความปลอดภัย”
สรุป
การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัย คือการผสานทั้งกระบวนการ แนวคิด และเครื่องมือเข้าด้วยกัน ตั้งแต่การวางแผน กำหนดมาตรการป้องกัน การวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยในทีมพัฒนา หากองค์กรสามารถทำได้ครบถ้วน จะไม่เพียงช่วยป้องกันภัยไซเบอร์ แต่ยังสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการ เสริมความน่าเชื่อถือ และทำให้ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นพร้อมใช้งานได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
หากองค์กรหรือธุรกิจไหนที่ต้องการทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง ขอแนะนำ อโยเดีย ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ การันตีด้วยมาตรฐานสากล ISO29110 และ CMMI Level 3 มั่นใจได้ว่าจะได้ซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพ ตามเป้าหมายที่องค์กรต้องการ
