Cloud Infrastructure คืออะไร? เจาะลึกโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ธุรกิจยุคใหม่ต้องรู้

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนธุรกิจ Cloud Infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่องค์กรไม่อาจมองข้าม ด้วยความสามารถในการรองรับการทำงานของซอฟต์แวร์และข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัย รวมทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถลดต้นทุนด้านไอที เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้แบบไร้รอยต่อ

แล้ว Cloud Infrastructure นี้ทำงานอย่างไร? และส่งผลต่อการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์องค์กรอย่างไรบ้าง? มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันในบทความนี้


Cloud Infrastructure คืออะไร ?

Cloud Infrastructure หรือ โครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ คือ ชุดโครงสร้างของระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ที่ประกอบมาเป็นระบบคลาวด์ โดยทางผู้ให้บริการด้านคลาวด์นั้น จะทำหน้าที่ดูแลและจัดการส่วนที่เข้าถึงให้กับผู้ใช้บริการ เช่น การกำหนดค่าทางกายภาพ, การติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ หรือการกำหนดค่าระบบ เป็นต้น

ซึ่ง Cloud Infrastructure จะเป็นส่วนที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงระบบคลาวด์ต่าง ๆ ในส่วนที่ใช้งานจริงได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ยังช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลและบำรุงระบบคลาวด์ 


ส่วนประกอบของ Cloud Infrastructure มีอะไรบ้าง ?

การทำงานของ Cloud Infrastructure จะประกอบไปด้วยโครงสร้างทั้ง 4 ส่วน ซึ่งจะทำหน้าที่ต่าง ๆ ดังนี้

1. เซิร์ฟเวอร์

เป็นส่วนที่ทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักของระบบคลาวด์ในศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งภายในเซิร์ฟเวอร์นั้น จะประกอบด้วยหน่วยความจุข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ เพื่อให้การประมวลผลข้อมูล การส่งข้อมูล ไปจนถึงการดูแลระบบต่าง ๆ ในคลาวด์ให้เกิดประสิทธิภาพ

2. ระบบเครือข่าย

เป็นส่วนที่ช่วยทำหน้าที่ให้ช่วยให้ส่วนต่าง ๆ ในระบบ Cloud Infrastructure สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ เช่น พื้นที่เก็บข้อมูล, ไมโครเซอร์วิส, แอปพลิเคชัน และเวิร์กโหลดส่วนอื่น ๆ โดยผู้ให้บริการ จะนำเครื่องมือในการเชื่อมเครือข่าย เพื่อให้การรับส่งข้อมูลภายในคลาวด์เป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ

3. พื้นที่จัดเก็บ 

เป็นส่วนที่จัดเก็บข้อมูลโดยถาวร โดยพื้นที่จัดเก็บบนระบบคลาวด์นั้น สามารถปรับขนาดพื้นที่ได้ เพื่อรองรับต่อรูปแบบการใช้งาน และการขยายตัวของขนาดองค์กร นอกจากนี้รูปแบบการเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บในคลาวด์ ก็สามารถทำได้อย่างสะดวก เพียงใช้อุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้

4. ซอฟต์แวร์​

ระบบซอฟต์แวร์ คือส่วนที่จะทำหน้าที่ให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินงานต่าง ๆ ภายในระบบคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น การจัดการข้อมูล, เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล, ประมวลผล และส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น


Cloud Infrastructure ทำงานอย่างไร ?

สำหรับการนำ Cloud Infrastructure จะช่วยทำหน้าที่ในการส่งเสริม และพัฒนาองค์กร ทั้งด้านทันสมัย ปลอดภัย และการทำงานที่มีระบบชัดเจนมากขึ้น โดยบทบาทการทำงานของ Cloud Infrastructure มีดังนี้

1. การจัดการทรัพยากรและสภาพแวดล้อม

เป็นการปรับโครงสร้างของคลาวด์ โดยทางผู้ให้บริการด้านคลาวด์จะทำหน้าที่ในการนำเสนอลำดับชั้นในการวางโครงสร้างของคลาวด์ รวมถึงให้ผู้ใช้งานกำหนดค่า ในการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ซอฟต์แวร์มีการทำงานที่ราบรื่น ตอบโจทย์องค์กรมากที่สุด

2. การจัดการพื้นที่เก็บข้อมูล 

โครงสร้างของ Cloud Infrastructure จะมีตัวเลือกในการเก็บข้อมูลที่หลากหลาย และตอบโจทย์แต่ละองค์กรมากที่สุด ซึ่งมีการแบ่งหมวดหมู่ของข้อมูลตามรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่สำหรับรองรับแอปพลิเคชัน หรือพื้นที่สำหรับซอฟต์แวร์องค์กรที่เติบโตมากขึ้น

3.สร้างความต่อเนื่องให้กับธุรกิจ

ภายในโครงสร้างของ Cloud Infrastructure จะช่วยทำหน้าที่สำรองข้อมูล รวมถึงการกู้คืนระบบ ให้กับองค์กร ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคหรือธุรกิจเกิดการหยุดชะงัก ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่องไปได้

4. ความปลอดภัยของเครือข่าย

ในระบบ Cloud Infrastructure เป็นเครือข่ายที่มีความปลอดภัยระดับสากล ซึ่งจะช่วยทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยต่อระบบซอฟต์แวร์ และข้อมูลต่าง ๆ มีระบบเข้าระบบที่รัดกุม ช่วยให้องค์กรหมดกังวลจากการโจมตีทางไซเบอร์ 


Cloud Infrastructure ช่วยต่อการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์องค์กร ยังไงบ้าง ?

สำหรับการนำ Cloud Infrastructure มารับใช้ในการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์องค์กร จะช่วยต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ ในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. สร้างความยืดหยุ่น

การนำ Cloud Infrastructure มาปรับใช้นั้น จะช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับขนาดของทรัพยากรภายในระบบคลาวด์ ตามความต้องการ ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการกับทรัพยากรต่าง ๆ ในระบบซอฟต์แวร์องค์กรให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ลดต้นทุน

Cloud Infrastructure จะช่วยในการประหยัดต้นทุนขององค์กร ในการพัฒนาซอฟต์แวร์องค์กร รวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ด้วยการจ่ายค่าบริการให้บริษัทผู้พัฒนาแทน ซึ่งประหยัดและคุ้มค่ากว่าการที่องค์กรสร้างทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เอง พร้อมทั้งได้บริการที่ตอบโจทย์ขององค์กร สามารถปรับแต่งได้ตามความเหมาะสม

3. การเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพ 

การใช้ Cloud Infrastructure จะช่วยต่อการเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ ภายในคลาวด์ และการเข้าถึงชุดข้อมูลที่สะดวกรวดเร็ว ช่วยให้พนักงานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถทำงานจากเมื่อไหร่ ที่ไหนก็ได้ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ช่วยให้การทำงานต่าง ๆ สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ไร้รอยต่อ

4. สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันธุรกิจ  

ธุรกิจที่มีการนำ Cloud Infrastructure มาปรับใช้ จะช่วยเพิ่มโอกาสใหม่ ๆ ในด้านธุรกิจ ซอฟต์แวร์ที่ใช้มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย มาปรับใช้ในการทำงาน ทำให้ธุรกิจมีโอกาสได้เปรียบ และโดดเด่นกว่าคู่แข่ง


สรุป

จะเห็นได้ว่า Cloud Infrastructure คือโครงสร้างสำคัญ สำหรับการสร้างซอฟต์แวร์องค์กรหรือแอปพลิเคชัน ให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น มีความปลอดภัย และยังเป็นการสร้างพื้นที่จัดการข้อมูลที่ปรับขนาดได้ มีความปลอดภัยสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กรยุคใหม่ควรให้ความสำคัญ 

สำหรับองค์กรไหนที่ต้องการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์องค์กร หรือการสร้าง Cloud Infrastructure ให้มีคุณภาพ ขอแนะนำ อโยเดีย เพราะที่นี่เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ ให้องค์กรของคุณมั่นใจได้ว่าจะได้ซอฟต์แวร์ ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย พร้อมรองรับต่อการเติบโตในองค์กรของคุณ

Footer Ayodia