AI Agent คืออะไร สำคัญต่อการทำธุรกิจยุคดิจิทัลอย่างไรบ้าง

AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ได้เข้ามามีบทบาทต่อการใช้ชีวิตและการทำงานของผู้คนมากยิ่งขึ้น สำหรับองค์กรก็ได้มี AI Agent ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทุกวันนี้หลายธุรกิจและหลายองค์กรได้หันมาใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขัน และสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจ

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงบทบาทและความสำคัญของ AI Agent ต่อการทำธุรกิจ และเทรนด์การใช้ AI Agent ในปี 2025 นี้มีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามอ่านกันได้เลยครับ


ทำความรู้จัก AI Agent

AI Agent คือระบบซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ที่จะทำหน้าที่ในการสังเกตสิ่งแวดล้อม รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาช่วยในการตัดสินใจต่าง ๆ รวมถึงการตอบคำถามลูกค้าแบบอัตโนมัติ (Chatbot) ซึ่งการทำงานของ AI Agent จะสามารถช่วยในการตอบคำถามทั่วไปที่ไม่ซับซ้อน ไปจนถึงคำถามที่มีความซับซ้อน เช่น การบริหารการเงิน การวางแผนธุรกิจ เป็นต้น 

ด้วยการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ที่มีความอัจฉริยะของ AI Agent ทำให้ซอฟต์แวร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล เพราะการนำ AI Agent มาปรับใช้ในการทำงานจะช่วยส่งผลต่อการทำงานที่เกิดประสิทธิภาพ สร้างประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้งาน และลดโอกาสเกิดความผิดพลาด


บทบาท AI Agent ต่อธุรกิจ 

การนำ AI Agent มาปรับใช้กับธุรกิจ จะส่งผลดีต่อการเติบโต และเพิ่มประสิทธิภาพต่อการทำงานในองค์กรด้านต่าง ๆ ดังนี้

  1. ยกระดับการให้บริการลูกค้า 

ในการทำงานของ AI Agent จะมีส่วนที่เรียกว่า Chatbot ที่ทำหน้าที่ในการช่วยตอบกลับลูกค้าแบบอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยตอบคำถามที่พบบ่อย หรือการชี้นำลูกค้าไปสู่การปิดการขาย ซึ่งจะช่วยให้การดูแลและบริการลูกค้าขององค์กรสามารถทำได้ดีมากยิ่งขึ้น 

  1. ช่วยวางแผนกลยุทธ์การตลาด

AI Agent สามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดย AI Agent จะทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์พฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกค้า เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มยอดขายจากกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมต่อองค์กร

  1. ปรับปรุงกระบวนการทำงาน

การนำ AI Agent มาปรับใช้ในองค์กร จะช่วยต่อการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ และเพิ่มผลลัพธ์การทำงานให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้ AI Agent ในการช่วยกรอกข้อมูล จัดการข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว หรือการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อประกอบการตัดสินใจต่าง ๆ ทำให้องค์กรสามารถลดกระบวนการทำงานที่ไม่จำเป็นออกไปได้

  1. พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากการใช้ AI Agent จะช่วยปรับปรุงการทำงานขององค์กรให้เกิดดีขึ้นแล้ว ยังช่วยต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานให้ดียิ่งขึ้นเพราะ AI Agent จะช่วยลดขั้นตอนงานที่ซับซ้อนบางอย่างของพนักงาน ทำให้พนักงานเหลือเวลาที่จะไปจัดการงานที่สำคัญกว่า รวมถึงมีเวลาไปพัฒนาผลงานทำงานอื่น ๆ ให้ออกมามีคุณภาพมากขึ้น


แนวโน้ม AI Agent ในปี 2025

ภายในปี 2025 นี้ ก็เป็นอีกปีที่เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทต่อการทำธุรกิจมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มต่าง ๆ ในการใช้ AI Agent ต่อธุรกิจ มีดังนี้

1.เพิ่มการเติบโตให้ธุรกิจด้วยการใช้ Autonomous Agent 

ในปี 2025 จะมีการพัฒนา Autonomous Agent ที่เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการนำ Autonomous Agent ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับธุรกิจ มาปรับใช้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตในด้านรายได้ ทำให้สามารถหาช่องทางสร้างกำไรจากแหล่งใหม่ ๆ ให้ธุรกิจสามารถเติบโตมากขึ้น

2.ยกระดับงานบริการลูกค้า

AI Agent จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจที่ต้องสานสัมพันธ์ต่าง ๆ กับลูกค้า โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ การชี้นำลูกค้าถึงโปรโมชันและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งการใช้ AI Agent ในการช่วยสร้างสัมพันธ์กับลูกค้า จะช่วยยกระดับงานบริการให้ออกมามีคุณภาพมากขึ้น เนื่องจาก AI Agent จะนำข้อมูลที่เชื่อมโยงจากแหล่งต่าง ๆ นำมาวิเคราะห์ในแบบเรียลไทม์ เพื่อแนะนำลูกค้าหรือผู้ใช้บริการให้ได้ผลลัพธ์การบริการที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด

3.AI ที่ถูกพัฒนาโดยคนไทย

เมื่อ AI ได้เข้ามามีบทบาทต่อการใช้ชีวิตของผู้คน ไม่ใช่แค่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นระดับโลก ดังนั้นทางประเทศไทยเองก็มี ‘นักพัฒนา AI’ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ AI ที่ทำมาเพื่อคนไทยสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย และสามารถตอบโจทย์กับความคิด วัฒนธรรมของผู้คนในประเทศ  เช่น การสร้าง AI ที่รองรับต่อภาษาไทยโดยเฉพาะ หรือ AI ที่สามารถช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การคมนาคมภายในประเทศ เป็นต้น

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ AI กับการทำงานในองค์กร
ได้ที่บทความ: เครื่องมือ AI กับองค์กร: ปฏิวัติการทำงานอย่างไรให้ทันโลก?


Agentic AI VS AI Agent ต่างกันอย่างไร

หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าระหว่าง Agentic AI VS AI Agent มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ต้องเข้าใจความหมายของ Agentic AI กันก่อน โดย Agentic AI จะเป็น AI ที่ทำงานผ่าน AI Agent มีคุณสมบัติสามารถตัดสินใจ ไปจนถึงการทำงานส่วนต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ และสามารถเรียนรู้ผ่านการตอบโต้ที่ต่อเนื่อง  

ความแตกต่างคือ Agentic AI จะมีรูปแบบการทำงานที่กว้างกว่า ซึ่งจะครอบคลุมระบบ AI ต่าง ๆ ที่สามารถทำงานที่ซับซ้อน และตัดสินใจต่าง ๆ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล นอกจากนี้ Agentic AI ยังสามารถจัดการกับปัญหาขนาดใหญ่อย่างการจัดการ Workflows ได้ ในขณะที่ AI Agent จะเป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานแบบเฉพาะทาง แต่จะสามารถทำงานที่มีความซับซ้อนได้

ตัวอย่างงานที่ใช้ Agentic Agent 
ธุรกิจการเงิน: การวิเคราะห์ ประเมินความเสี่ยงด้านการลงทุนต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ 
ธุรกิจสุขภาพ: การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ที่เข้ามาใช้บริการ หรือวิเคราะห์อาการป่วยของคนไข้เพื่อดำเนินการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจการค้า: การวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อประเมินการทำแผนการตลาด การจัดโปรโมชันที่เหมาะสมต่อลูกค้า

ตัวอย่างงานที่ใช้ AI Agent
ธุรกิจการเงิน: การตอบคำถามข้อสงสัยลูกค้า การแนะนำโปรโมชันหรือบริการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว สามารถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ธุรกิจสุขภาพ: ช่วยจัดการทำนัดหมายแพทย์ ทำแจ้งเตือนต่าง ๆ 
ธุรกิจการค้า: ช่วยแนะนำโปรโมชันต่าง ๆ สำหรับลูกค้า หรือจัดการขั้นตอนการสั่งซื้อต่าง ๆ 


สรุป

การนำ AI Agent เข้ามาปรับใช้ในองค์กร ช่วยส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดขั้นตอนงานที่มีความซ้ำซ้อน ลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากพนักงาน รวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อลูกค้าหรือผู้ใช้งาน ดังนั้นการนำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ในยุคปัจจุบัน

สำหรับองค์กรไหนที่ต้องการเครื่องมือ AI เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้องค์กร อโยเดีย มีทีมงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางสำหรับให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี AI รวมถึงการพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์กับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Automation, Data Analytics, AI Chatbot และ Speech-to-Text